การก่อตั้งเขตปลอดภัยนานกิง ของ โยห์น ราเบอ

ดูบทความหลักที่: เขตปลอดภัยนานกิง

มีชาวตะวันตกจำนวนมากอาศัยอยู่ในนานกิงระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายหรือเป็นคณะเผยแผ่ศาสนา เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมาถึงนานกิงและเริ่มต้นการทิ้งระเบิดถล่มเมือง ชาวต่างชาติเกือบทั้งหมดได้หลบหนีออกจากเมือง เหลือเพียง 22 คน ร่วมกับมิชชันนารีและนักธุรกิจชาวอเมริกันและชาวยุโรปจำนวน 15 คนได้ก่อตั้งกลุ่มขึ้น[2] วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นรุกคืบมายังนานกิง ราเบอร่วมกับชาวตะวันตกคนอื่น ๆ ได้จัดตั้งคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยเขตปลอดภัยนานกิง และก่อตั้งเขตปลอดภัยนานกิงเพื่อให้ที่พักและอาหารแก่ผู้ลี้ภัยชาวจีนจากการสังหารของทหารญี่ปุ่นอันจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เขาได้อธิบายเหตุผลไว้ว่า:

"... นี่เป็นคำถามเกี่ยวกับศีลธรรม ... ผมไม่สามารถนำตัวเองให้ทรยศต่อความศรัทธาที่ผู้คนเหล่านี้มีต่อผมได้ และมันน่าซาบซึ้งที่เห็นพวกเขาเชื่อมั่นในตัวผม"[3]

เขตปลอดภัยถูกก่อตั้งขึ้นในสถานทูตต่างประเทศทั้งหมดและที่มหาวิทยาลัยนานกิง

ราเบอได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการระหว่างประเทศ ส่วนหนึ่งเนื่องจากสถานภาพที่เป็นสมาชิกพรรคนาซีของเขาและการมีอยู่ของสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลสองฝ่ายระหว่างเยอรมนีและญี่ปุ่น คณะกรรมการดังกล่าวได้ก่อตั้งเขตปลอดภัยนานกิงขึ้นทางส่วนตะวันตกของเมือง รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตกลงที่จะไม่โจมตีส่วนของเมืองที่ไม่มีทหารจีนประจำอยู่ และสมาชิกของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยเขตปลอดภัยนานกิงได้เกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลจีนถอนทหารทั้งหมดจากพื้นที่ดังกล่าว

วันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1937 นายกเทศมนตรีนานกิง มา เชา-ชุน สั่งให้พลเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ในนานกิงย้ายเข้าไปในเขตปลอดภัยและได้หลบหนีไปหลังจากนั้น

ราเบอยังได้ให้ที่ดินของเขาเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวจีนเพิ่มอีก 650 คน

การสังหารหมู่นานกิง

ดูบทความหลักที่: การสังหารหมู่นานกิง

การสังหารหมู่นานกิงได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านคน ขณะที่ราเบอและผู้บริหารเขตปลอดภัยนานกิงพยายามอย่างกระวนกระวายเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น เขาได้ใช้สถานภาพสมาชิกพรรคนาซีเพื่อรับรอง แต่ก็ทำได้แค่เพียงชะลอเหตุการณ์ออกไปเท่านั้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยหลายพันคนหลบหนีไปได้ สารคดี "นานกิง" ได้ยกย่องเขาว่าได้ช่วยชีวิตพลเรือนชาวจีนกว่า 250,000 คน และกล่าวกันว่าราเบอได้ช่วยเหลือชาวจีนระหว่าง 200,000-250,000 คน[4]

ใกล้เคียง